วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

การปลูกมะปราง

- คัดเลือกกิ่งพันธุ์ที่สมบูรณ์ แข็งแรง ไม่เป็นโรคและไม่มีแมลงรบกวน
สายพันธุ์ที่เลือก คือ มะปรางพันธุ์สุวรรณบาตร จะให้ผลผลิตดี ต้นพันธุ์ควรมีลักษณะแข็งแรง สมบูรณ์ ไม่มีโรคแมลงรบกวน และมีการชำอยู่ในถุงพลาสติกอย่างน้อย 1 ปี

- เตรียมดินปลูกโดยขุดหลุมปลุกให้มีความกว้าง 50 ซม. ยาว 50 ซม. ลึก 50 ซม.
แล้วผสมดินแกลบดำกับปุ๋ยรองก้นหลุม ให้เข้ากัน นำกิ่งพันธุ์ลงปลูก ด้วยความระมัดระวัง อย่าให้ดินในถุงชำหรือตุ้มดินแตก โดยให้มีลักษณะการปลูกแบบกระทะคว่ำ
ระยะปลูก ในพื้นที่ราบหรือที่ดอน ควรใช้ระยะห่างระหว่างต้น 8 เมตร ระหว่างแถว 8 เมตร หรือปลูกแถวชิดระยะ 4 เมตร และแถว 4 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ ระยะ 8X8 เมตร จะปลูกมะปรางได้ 25 ต้น ระยะชิด 4X4 เมตร จะต้องใช้ต้นพันธุ์ 50 ต้นต่อไร่ ส่วนการปลูกสวนยกร่อง ควรใช้ระยะปลูกระหว่างต้น 6 เมตร ระหว่างแถว 6 เมตร ปลูกแถวเดี่ยวใน 1 ไร่ปลูกได้ 45 ต้น
ระยะปลูกดังกล่าวจะทำให้ทรงพุ่มใหญ่เต็มที่ ซึ่งจะส่งผลต่อการให้ผลผลิตของมะยงชิดอีกด้วย

ฤดู ที่เหมาะสมที่สุดในการปลูกมะปรางควรปลูกต้นฤดูฝน ส่วนเวลาปลูกนั้น ควรปลูกในตอนเช้าหรือตอนเย็น ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศไม่ร้อน วิธีปลูกให้นำกิ่งต้นพันธ์วางปากหลุม ถ้าเป็นกิ่งทาบควรใช้มีดกรีดพลาสติกที่พันโคนต้นออก แต่ถ้าเป็นกิ่งพันธุ์ที่ชำอยู่ในถุงพลาสติกสีดำ ใช้มีดกรีดด้านข้างก้นถุงโดยรอบ ก้นถุงพลาสติกจะหลุดออก ต่อจากนั้นยกต้นมะปรางไปปลูกลงหลุม กลบดินลงหลุมเล็กน้อย แล้วดึงถุงดำที่เหลือขึ้นมา ใช้มีดตัดออก กลบดินปลูกลงหลุมให้สูงกว่าระดับเดิมเล็กน้อย ใช้มือกดรอบ ๆ โคนต้นให้แน่น นำหลักไม้ไผ่มาปักโคนต้น ผูกต้นมะปรางกับหลักเพื่อกันลมโยก หลังจากนั้นรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ (นรินทร์,2537)



หลักการปลูกมะปรางแซมสวนกล้วย

การปลูกไม้ผลบาง ครั้งเกษตรกรก็ต้องใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ช่วยในการพรางแสงแดดให้กับต้นไม้ บาง ชนิดไม่ชอบแสงแดดจัด เช่นเดียวกันกับมะปราง ที่จะไม่ชอบแสงแดดจัดในช่วง เริ่มปลูกใหม่ จะแต่ต้องการน้ำมากเพื่อการฟื้นตัว ทำให้เกษตรกรต้องสิ้น เปลืองเงิน ในการซื้อวัสดุอุปกรณ์มาช่วยในการพรางแสงและให้น้ำ ทำให้ต้นทุน สูงขึ้นตามมานั่นเอง
ด้วยเหตุผลดังกล่าว คุณธวัชจึงแนะนำให้ใช้วิธีการปลูกแบบภูมิปัญญาชาวบ้านที่มีมาแต่อดีต คือ การปลูกมะปรางแซมสวนกล้วย ซึ่งจะช่วยในเรื่องต่างๆ ที่ทำให้มะปรางเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดีเนื่องจาก
การปลูกด้วยวิธีนี้จะมีข้อดี คือ
1.เมื่อมะปรางมีขนาดเล็กอยู่จะไม่ต้องการแสงมาก ใบกล้วยจะช่วยในการบังแสงแดดให้มะปรางไปในตัว เป็นการประหยัดต้นทุนในการซื้อตาข่ายพรางแสงได้เป็นอย่างดี

2.ต้นกล้วยเป็นพืชที่หาอาหารเก่งและดูดน้ำได้เก่งมาก ฉะนั้นต้นมะปรางจะได้รับน้ำอยู่ตลอดเวลาเมื่อปลูกแซมไว้กลางดงกล้วย

3.ต้นกล้วยเป็นพืชที่มีจุลินทรีมาก รวมถึงไส้เดือนดินจะช่วยทำให้ดินร่วนซุยและมีธาตุอาหารมาก เมื่อกล้วยต้นที่อยู่ข้างต้นมะปรางตาย รากของมะปรางจะสามารถเข้าไปแทนที่ได้อย่างง่ายดาย ส่งเสริมให้มะแรงมีการเตริญเติบโตที่ดี

วิธีการปลูกมะปรางแซมสวนกล้วย

1.นำต้นกล้วย(หรือหน่อกล้วย) ที่มีความยาวประมาณ 1 เมตร จำนวน 4 ต้น มาปลูกในพื้นที่ที่จะปลูกมะปราง โดยปลูกต้นกล้วยให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส และเว้นพื้นที่ด้านในรัศมีประมาณ 30 เซนติเมตร เพื่อเป็นพื้นที่ปลูกมะปราง

2.เมื่อต้นกล้วยปลูกติดและมีการเติบโตดีแล้ว ก็นำต้นกล้ามะปรางมาปลูกได้เลย โดยขุดหลุม(ระหว่างพื้นที่ตรงกลางหน่อกล้วย 4 ต้น ) กว้าง 30 เซนติเมตร ลึก 30 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก 2 กำมือ
ต่อหลุม แล้วจึงนำต้นมะปรางลงปลูก และดูแลรักษาตามปกติ
***เพียงเท่านี้เกษตรกรที่จะปลูกมะปรางก็จะสามารถลดต้นทุนได้และลดระยะเวลาในการดูแลด้วย


ที่มา: www.doae.go.th/library/html/detail/marian%20plum/grow.html/การปลูกมะปราง
         มะปราง.blogspot.com/การปลูกมะปรางแซมกล้วย
         www.YouTube.com/watch?v=S737imb4M9g/มะยงชิด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น